หลังจากที่ประมูลสัมปทานดิวตี้ฟรีสนามบินสุวรรณภูมิจบไป...ก็ได้เวลาสนามบินน้องเล็กอย่าง “ดอนเมือง” บ้าง โดยสัญญาสัมปทานอันใหม่นี้จะมีอายุสัมปทาน 10 ปี 6 เดือน ก็เริ่มอายุสัมปทานใหม่ตั้งแต่ ตุลา 65 – 31 มีนา 76 นับว่าเป็นเรื่องปกติสำหรับการให้สัมปทานที่มีอายุยืนยาวเป็น 10 ปี ส่วนตัวแล้วถ้าถูกมองว่าผูกขาดก็เออเข้าใจได้ แต่ก็ต้องเข้าใจด้วยว่า วิธีการประมูลมามันก็มีการแข่งขันมาตั้งแต่ตน นับไล่เรียงไปมา มันก็ไม่ใช่การผูกขาดหรอก เพียงแต่อายุสัญญามันยืนยาวเป็น 10 ปี

สำหรับสนามบินดอนเมืองของเมืองไทยเรานี้ เดิมทีได้รับหน้าทีเป็นสนามบินหลักของประเทศ เนื่องด้วยภูมิศาสตร์ที่มีความได้เปรียบเรื่องเส้นทาง เป็นจุดศูนย์กลางทางการบินในภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่สามารถเชื่อมโยงการคมนาคมทางอากาศไปยังจุดต่างๆ ของโลกได้อย่างเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการบินภายในภูมิภาคเอเชียด้วยกัน หรือระหว่างทวีปยุโรป ทวีปอเมริกา ทวีปออสเตรเลีย ซึ่งสามารถใช้เป็นจุดแวะลงและเชื่อมต่อในการเดินทางของผู้โดยสารตลอดจนพัสดุไปรษณียภัณฑ์ไปยังจุดอื่นๆ ได้อย่างดี แต่เนื่องจากพื้นที่ถูกจำกัด ทำให้ไม่สามารถรองรับผู้โดยสารที่มีการเพิ่มตัวขึ้นได้จึงมีการย้ายสนามบินหลักไปที่สุวรรณภูมิ จึงทำให้ดอนเมืองถูกพักการใช้งาน และกลับมาเปิดใช้งานใหม่อีกครั้งโดยเป็นสนามบินศูนย์กลางเชื่อมโยงรองรับสายการบินต้นทุนต่ำ (Lowcost Airlines Hub) รองรับตลาดกลุ่มนักท่องเที่ยวคนไทยและนานาชาติที่ใช้เงินอย่างประหยัด
อย่างที่รู้กันว่าสนามบินดอนเมืองเป็นการบินแบบต้นทุนต่ำ (Lowcost) รองรับนักท่องเที่ยวที่เน้นการประหยัด นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จึงไม่นิยมซื้อของภายในสนามบินมากนัก ดูจากพื้นที่ดิวตี้ฟรีของเดิมนี้ก็ได้ จะเห็นได้ว่ามีขนาดเล็กกว่าสุวรรณภูมิอีก พื้นที่ของสุวรรณภูมิมีขนาด 12,000 ตรม. พื้นที่ดอนเมืองขนาด 1,800 ตรม. เล็กกว่าสุวรรณภูมิเกือบ 10 เท่า แต่เราไม่เชื่อ พอดีไปเห็นข่าวนี้มาสงสัยน่าจะจริง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ (ที่มาของข้อมูล https://web.facebook.com/100005522016696/posts/1159328467594543?sfns=mo&_rdc=1&_rdr )
คิงเพาเวอร์บอกว่า สัดส่วนของรายได้จากดอนเมืองเป็นแค่ 5% ของกลุ่มบริษัท มียอดขายอยู่ประมาณ 5,000 ล้านบาทต่อปี หรือประมาณ 10 กว่าล้านบาทต่อวัน ถ้าเทียบกับจำนวนนักท่องเที่ยวที่ผ่านตรงนี้ (ของหาข้อมูลดู) คนนึงใช้จ่ายน้อยมาก น้อยวิ่งกว่าสนามบินภูมิภาคอีก 3 แห่งอีก
ข้อมูลตรงนี้ถือว่าน่าสนใจมาก เพราะมันจะทำให้ผู้เข้าร่วมแข่งขันได้ใช้ประเมินว่าการที่จะมาสู้ตรงนี้ต้องสู้อย่างไรถึงจะได้พื้นที่ดิวตี้ฟรีนี้ไป ไม่ว่าจะเป็นเจ้าใหม่หรือเจ้าเดิม ก็ต้องทำการบ้านอย่างหนักเช่นกัน
สำหรับผู้ที่เข้าร่วมประมูล ตามข่าวได้บอกว่ามี 5 ราย รายละเอียเพิ่มเติม
https://www.thebangkokinsight.com/224532/
- เป็นนิติบุคคลไทยรายเดียว หรือนิติบุคคลรวมหลายกลุ่มแต่ต้องมีนิติบุคลคลที่เป็นคนไทยดูแลเป็นหลัก
- ต้องเป็นผู้ที่ไม่มีประเด็นกับ ทอท. ไม่เคยเป็นผู้ที่ทอท บอกเลิกสัญญา ไม่ค้างชำระหนี้ และต้องไม่มีคดีความกับ ทอท.
- มีประสบการณ์ด้านการบริหารห้างสรรพสินค้าในประเทศไทย ซึ่อยู่ในพื้นที่เดียวกัน มีขนาด 5,000 ตรม. ไม่น้อยกว่า 5 ปี และยังคงเปิดบริการอยู่ หรือ มีประสบการณ์ด้านกาบริหารดิวตี้ฟรีในประเทศไทย หรือต่าง ประเทศ ซึ่งอยู่ในพื้นที่เดียวกันขนาด 5,000 ตรม. และยังคงเปิดให้บริการในปัจจุบัน
ทอท. จะเริ่มการซื้อซองในวันที่ 24 ตุลาคม – 8 พฤศจิกายน 62 นี้ แล้วจะมีการนำเสนอด้านเทคนิคในวันที่ 12-13 ธันวาคม 62 จากนั้นก็จะมีการประกาศผลวันที่ 16 ธันวาคม 62 สิ้นปีนี้เป็นอันรู้กันว่าใครจะได้พื้นที่สัมปทานดิวตี้ฟรีสนามบินดอนเมืองไปครอบครอง แต่ได้ไปแล้วจะคุ้มหรือไม่อันนี้อิชั้นก็ไม่แน่ใจ เพราะจากข้อมูลข้างต้นกลัวจะได้เจ้าเล็กที่ไม่มีกำลังเท่าไหร่ เพราะถ้าคำนวณออกมาแล้วอาจจะไม่คุ้มทุน ดูจากเจ้าเก่าได้ ไม่พัฒนาอะไรเลย ของมันก็ไม่น่าซื้อ หรือเหมือนจะเป็นห้างที่เอาของตัวเองขายไม่ออก มาขายเลหลังอะไรแบบนี้ แต่ก็นะ...เดือนธันวา 62 นี้ เป็นอันรู้กัน
อัพเดตความคืบหน้า การประมูลสัมปทานดิวตี้ฟรีดอนเมือง รอบใหม่
สำหรับสนามบินดอนเมืองของเมืองไทยเรานี้ เดิมทีได้รับหน้าทีเป็นสนามบินหลักของประเทศ เนื่องด้วยภูมิศาสตร์ที่มีความได้เปรียบเรื่องเส้นทาง เป็นจุดศูนย์กลางทางการบินในภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่สามารถเชื่อมโยงการคมนาคมทางอากาศไปยังจุดต่างๆ ของโลกได้อย่างเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการบินภายในภูมิภาคเอเชียด้วยกัน หรือระหว่างทวีปยุโรป ทวีปอเมริกา ทวีปออสเตรเลีย ซึ่งสามารถใช้เป็นจุดแวะลงและเชื่อมต่อในการเดินทางของผู้โดยสารตลอดจนพัสดุไปรษณียภัณฑ์ไปยังจุดอื่นๆ ได้อย่างดี แต่เนื่องจากพื้นที่ถูกจำกัด ทำให้ไม่สามารถรองรับผู้โดยสารที่มีการเพิ่มตัวขึ้นได้จึงมีการย้ายสนามบินหลักไปที่สุวรรณภูมิ จึงทำให้ดอนเมืองถูกพักการใช้งาน และกลับมาเปิดใช้งานใหม่อีกครั้งโดยเป็นสนามบินศูนย์กลางเชื่อมโยงรองรับสายการบินต้นทุนต่ำ (Lowcost Airlines Hub) รองรับตลาดกลุ่มนักท่องเที่ยวคนไทยและนานาชาติที่ใช้เงินอย่างประหยัด
อย่างที่รู้กันว่าสนามบินดอนเมืองเป็นการบินแบบต้นทุนต่ำ (Lowcost) รองรับนักท่องเที่ยวที่เน้นการประหยัด นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จึงไม่นิยมซื้อของภายในสนามบินมากนัก ดูจากพื้นที่ดิวตี้ฟรีของเดิมนี้ก็ได้ จะเห็นได้ว่ามีขนาดเล็กกว่าสุวรรณภูมิอีก พื้นที่ของสุวรรณภูมิมีขนาด 12,000 ตรม. พื้นที่ดอนเมืองขนาด 1,800 ตรม. เล็กกว่าสุวรรณภูมิเกือบ 10 เท่า แต่เราไม่เชื่อ พอดีไปเห็นข่าวนี้มาสงสัยน่าจะจริง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
คิงเพาเวอร์บอกว่า สัดส่วนของรายได้จากดอนเมืองเป็นแค่ 5% ของกลุ่มบริษัท มียอดขายอยู่ประมาณ 5,000 ล้านบาทต่อปี หรือประมาณ 10 กว่าล้านบาทต่อวัน ถ้าเทียบกับจำนวนนักท่องเที่ยวที่ผ่านตรงนี้ (ของหาข้อมูลดู) คนนึงใช้จ่ายน้อยมาก น้อยวิ่งกว่าสนามบินภูมิภาคอีก 3 แห่งอีก
ข้อมูลตรงนี้ถือว่าน่าสนใจมาก เพราะมันจะทำให้ผู้เข้าร่วมแข่งขันได้ใช้ประเมินว่าการที่จะมาสู้ตรงนี้ต้องสู้อย่างไรถึงจะได้พื้นที่ดิวตี้ฟรีนี้ไป ไม่ว่าจะเป็นเจ้าใหม่หรือเจ้าเดิม ก็ต้องทำการบ้านอย่างหนักเช่นกัน
สำหรับผู้ที่เข้าร่วมประมูล ตามข่าวได้บอกว่ามี 5 ราย รายละเอียเพิ่มเติม https://www.thebangkokinsight.com/224532/
- เป็นนิติบุคคลไทยรายเดียว หรือนิติบุคคลรวมหลายกลุ่มแต่ต้องมีนิติบุคลคลที่เป็นคนไทยดูแลเป็นหลัก
- ต้องเป็นผู้ที่ไม่มีประเด็นกับ ทอท. ไม่เคยเป็นผู้ที่ทอท บอกเลิกสัญญา ไม่ค้างชำระหนี้ และต้องไม่มีคดีความกับ ทอท.
- มีประสบการณ์ด้านการบริหารห้างสรรพสินค้าในประเทศไทย ซึ่อยู่ในพื้นที่เดียวกัน มีขนาด 5,000 ตรม. ไม่น้อยกว่า 5 ปี และยังคงเปิดบริการอยู่ หรือ มีประสบการณ์ด้านกาบริหารดิวตี้ฟรีในประเทศไทย หรือต่าง ประเทศ ซึ่งอยู่ในพื้นที่เดียวกันขนาด 5,000 ตรม. และยังคงเปิดให้บริการในปัจจุบัน
ทอท. จะเริ่มการซื้อซองในวันที่ 24 ตุลาคม – 8 พฤศจิกายน 62 นี้ แล้วจะมีการนำเสนอด้านเทคนิคในวันที่ 12-13 ธันวาคม 62 จากนั้นก็จะมีการประกาศผลวันที่ 16 ธันวาคม 62 สิ้นปีนี้เป็นอันรู้กันว่าใครจะได้พื้นที่สัมปทานดิวตี้ฟรีสนามบินดอนเมืองไปครอบครอง แต่ได้ไปแล้วจะคุ้มหรือไม่อันนี้อิชั้นก็ไม่แน่ใจ เพราะจากข้อมูลข้างต้นกลัวจะได้เจ้าเล็กที่ไม่มีกำลังเท่าไหร่ เพราะถ้าคำนวณออกมาแล้วอาจจะไม่คุ้มทุน ดูจากเจ้าเก่าได้ ไม่พัฒนาอะไรเลย ของมันก็ไม่น่าซื้อ หรือเหมือนจะเป็นห้างที่เอาของตัวเองขายไม่ออก มาขายเลหลังอะไรแบบนี้ แต่ก็นะ...เดือนธันวา 62 นี้ เป็นอันรู้กัน